ย้อนรอยค่ำคืนปาฏิหารย์แห่งอิสตันบูล 2017-07-03

วันที่ 25 พฤษภาคม 2005 ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ของพวกเขาได้สำเร็จอย่างปราฏิหารย์ หลังพลิกนรก จากการโดนนำถึง 3-0 ต่อ เอซี มิลาน ด้วยการตามตีเสมอจากจุดโทษ 3-3 (3-2) ต่อหน้าแฟนบอลในสนามกีฬาโอลิมปิคเติร์ก อิสตันบูล 70,000 คน

หลังจากที่พวกเขาต้องผิดหวังการที่จบฤดูกาลพรีเมียร์ลีกในอันดับที่ 5 ในการพ่ายให้กับเชลซีในศึก เอฟเอคัพ ในรอบไฟนอลล์อีกด้วยแต่พวกเขาสามารถยืนหยัดและกลับมาได้ในฤดูกาลถัดมา เมื่อพวกเขาสามาถจะจบอันดับที่ 4 ได้สำเร็จสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบคัดเลือก ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกในปี 2005-06 ได้สำเร็จ

มิลานได้ลุ้นหลังจากที่เอาดูทรงจะเอาชนะหงส์แดงได้ไม่ยาก ด้วยฟอร์มอันสุดยอด จากลูกวอลเลย์สุดสวยของกัปตัน เปาโล มัลดินี่  หลังเริ่มเกมส์ไปเพียงไม่กี่วินาที (มันเป็นประตูที่เร็วที่สุดเคยมีมาในยุโรปถ้วย/แชมเปียนส์ลีกที่ทำการแข่งขันมา และ มัลดินี่ กลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดที่สามารถทำประตูในถ้วยนี้ได้) ก่อนที่หงส์แดงจะพยายามโจมตีมิลานหนัก แต่ไม่สามารถตัดผ่านการป้องกันของแนวรับชาวอิตาลีรายนี้ได้ก่อนที่จะมาโดนขึ้นนำอีกสองเม็ดจาก กองหน้าชาวอาร์เจนตินาอย่าง เฮอร์นัน เคสโป ในนาทีที่(38', 42'), ก่อนจะยืมมาจากเชลซีในซีซั่นนั้น

มิลานใจชื้นแล้วหลังจากที่ขึ้นนำถึง 3-0 นำมองผ่านไม่ได้ แต่ลิเวอร์พูลก็ไม่ยอมที่จะตัดใจง่ายๆ ก่อนที่จะตามตีเสมอยอดทีมจากอิตาลี่ได้อย่างปาฎิหารย์เพียง 6 นาทีเท่านั้นจาก (เจอร์ราร์ด นาที 54', ชไมเซอร์ นาทีที่ 56' อลอนโซ่ นาทีที่ 60') ก่อนที่จะต่อลมหายใจของพวกเขาได้จนถึงช่วงการเตะจุดโทษตัดสิน

มิลานยิงลูกโทษลูกแรก และพวกเขาทำพลาดถึงสองครั้งติดต่อกัน - ครั้งแรกยิงชนเสา ในขณะลูกที่สองถูกเซฟไว้ได้อย่างง่ายดายจาก เจอร์ซี่ ดูเด็ค ลิเวอร์พูลทำสองประตูได้สำเร็จ แต่ลูกที่สามของพวกเขาถูกเซฟไว้ได้ ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3-2 ก่อนที่หอกยูเครนของ มิลาน อย่าง อันเดร เชฟเชนโค ที่พยายามจะลองดียิงเข้ากลางประตูจนถูก ดูเด็ค เซฟไว้ได้อย่างง่ายดาย พาทีมผงาดเป็นเจ้ายุโรปสร้างค่ำคืนปาฏิหารย์แห่ง อิสตันบูล